ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส คอร์ป (China Eastern Airlines Corp.) สายการบินยักษ์ใหญ่อันดับสามของจีนดำเนินการปรับลดจำนวนเครื่องบินที่ให้บริการผู้โดยสารลง 10% ของฝูงบินทั้งหมด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบให้การเดินทางในประเทศจีนปรับตัวลดลง
หลัว ซูผิง เลขาธิการบอร์ดบริหารของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สเปิดเผยว่า ทางสายการบินได้ระงับการให้บริการเครื่องบินจำนวน 20 ลำพร้อมทั้งปิดเส้นทางบินที่ไม่ทำกำไร อีกทั้งยังแต่งตั้งทีมผู้บริหารขึ้นมาเพื่อศึกษาถึงการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและผลกระทบของวิกฤตการเงิน
"สายการบินไชน่า อีสเทิร์นพยายามทำทุกวิถีทางที่ทำได้ เพื่อให้บริษัทรอดพ้นจากภาวะล้มละลายในยามที่ธุรกิจสายการบินอ่อนแออย่างหนัก" แจ็ค ซู นักวิเคราะห์จากบริษัท Sinopac Securities Co. ในเซี่ยงไฮ้กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไชน่า อีสเทิร์น เป็นสายการบินรายล่าสุดที่ใช้แผนลดจำนวนเครื่องบินที่ให้บริการผู้โดยสาร เช่นเดียวกับสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส ของเอเอ็มอาร์ คอร์ป และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ของยูเอแอล คอร์ป เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ลุกลามไปยังทวีปเอเชียจนทำให้ความต้องการเดินทางเพื่อทำธุรกิจหรือท่องเที่ยวลดลง
โดยสายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้ระงับการใช้เครื่องบินจำนวน 460 ลำเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายหลังจากที่ราคาเชื้อเพลิงพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.36 ดอลลาร์/แกลลอนเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดการเดินทางโดยเครื่องบินระหว่างประเทศเมื่อเดือนก.ย.ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ทั้งนี้ ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สเพิ่งรายงานยอดขาดทุนหนักเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสาม เนื่องจากสายการบินมีจำนวนผู้โดยสารลดลง แต่ต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิงสูงขึ้น ขณะที่หุ้นของสายการบินดังกล่าวในตลาดหุ้นฮ่องกงดิ่งลง 87% ในปีนี้ จากความวิตกกังวลถึงผลประกอบการและความต้องการเดินทางที่ลดน้อยลง
ด้านประธานของบริษัทไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่ที่สุดของจีนเปิดเผยว่า การเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวไปจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศจะฟื้นตัวในปี 2553 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บรรดาสายการบินสัญชาติจีนมียอดผู้โดยสาร 141.4 ล้านคน
ขณะเดียวกัน สมาคมการขนส่งทางอากาศสากล (IATA) ประเมินว่า สายการบินทั่วโลกอาจรายงานตัวเลขขาดทุนรวมกันหนักสุดในรอบ 5 ปีที่ 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เมื่อเทียบกับผลกำไรที่ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2550