ดอยช์แบงค์ เอจี ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) โดยระบุว่าหุ้นจีเอ็มอาจกลายเป็นหุ้นที่ไม่มีมูลค่าในรอบปีนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นจีเอ็มดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 59 ปี
"แม้จีเอ็มประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงการล้มละลาย แต่เราเชื่อว่าเส้นทางในอนาคตของจีเอ็มก็ไม่ต่างอะไรจากบริษัทที่ล้มละลายแล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นจีเอ็ม พร้อมกับปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นจีเอ็มลงสู่ระดับศูนย์" ร็อด แลช นักวิเคราะห์ของดอยช์แบงค์กล่าว ขณะที่นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล และบัคกิงแฮม รีเสิร์ช กรุ๊ป ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นจีเอ็มลงเหลือ 1 ดอลลาร์
ราคาหุ้นจีเอ็มที่ร่วงลงอย่างหนักสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีมุมมองในด้านลบต่อผลประกอบการของจีเอ็ม เนื่องจากบริษัทถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์สินเชื่อและยอดขายที่ตกต่ำสุดในรอบ 15 ปี ซึ่งทำให้จีเอ็มต้องหันหน้าเข้าพึ่งรัฐบาลสหรัฐเนื่องจากมีสภาพคล่องหมุนเวียนไม่เพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจในปีนี้
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ซีอีโอของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ได้แก่ จีเอ็ม, ฟอร์ด มอเตอร์ โค และไครสเลอร์ แอลแอลซี เข้าพบนางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่กรุงวอชิงตันเพื่อขอให้รัฐบาลจัดหาเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในเดือนที่แล้วสู่ระดับที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 และจีเอ็ม ค่ายรถสหรัฐซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดีทรอยต์ รายงานผลประกอบการขาดทุนแล้วเกือบ 70 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปลายปี 2547 และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีเอ็มเปิดเผยตัวเลขขาดทุนไตรมาสสาม 2.5 พันล้านดอลลาร์
โอบามา กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็น "ภารกิจเร่งด่วน" ซึ่งรัฐบาลควรจัดหาเงินทุนให้อุตสาหกรรมดังกล่าวให้มากเท่าที่จำเป็น พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้นโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในสหรัฐ รวมถึงการสนับสนุนให้มีการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน