ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีพ.ศ.2552 ลงเหลือ 1% จากเดิมที่คาดไว้ 3% เนื่องจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลกจนฉุดตั้งเศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
โรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า "ธนาคารโลกจะเพิ่มวงเงินสนับสนุนกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยส่วนหนึ่งมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาวะผันผวนในระบบเศรษฐกิจและสนับสนุนกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาให้สามารถแก้ไขตัวเลขขาดดุลงบประมาณได้"
"วิกฤตการณ์ด้านการเงินกำลังลุกลามอย่างรวดเร็วไปสู่ทุกภาคส่วนของโลก ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากระบบเศรษฐกิจโลกถูกกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและเชื้อเพลิง สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาได้รับผลกระทบที่รุนแรงที่สุด" โซลลิคกล่าว
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัวเพียง 1% ซึ่งต่ำกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าจะขยายตัว 2.2% นอกจากนี้ ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาลงสู่ระดับ 4.5% ในปีพ.ศ.2552 จากเดิมที่คาดไว้ที่ 6.4% และคาดว่าประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง รวมถึงยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะหดตัวลง 0.1% เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2%
ทั้งนี้ ธนาคารโลกเปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจครั้งใหม่และมาตรการสนับสนุนประเทศที่กำลังพัฒนา ก่อนที่การประชุมกลุ่ม G20 และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะเริ่มต้นขึ้นที่กรุงวอชิงตัน โดยนายโซลลิคกล่าวว่า การประชุมในวันเสาร์นี้ที่ประชุมจะหารือเรื่องวิกฤตการณ์การเงินโลกเป็นหลัก สำนักข่าวเกียวโดรายงาน