ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเริ่มทรุดหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่าชาวญี่ปุ่นจะลดการใช้จ่ายเงินท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจซบเซา จากผลพวงของอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว และราคาหุ้นที่ตกต่ำลง
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนต.ค.ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจข้อมูลในปี 2525 อยู่ที่ 29.4 จุด จากระดับ 31.4 จุดในเดือนก.ย.
นายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะ ของญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือน 2 ล้านล้านเยน (2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาและผลกำไรภาคเอกชนที่ปรับตัวลดลงยิ่งสร้างความวิตกกังวลต่อผู้บริโภคเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานมากขึ้น
นายโยชิมาซา มารุยาม่า นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบีเอ็นพี พาริบาส์ ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า "เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคจะยังคงชะลอตัว ส่วนอัตราการจ้างงานก็จะได้รับผลกระทบเนื่องจากบริษัทหลายแห่งมีกำไรลดลง"
ด้านนายชิเงรุ ซูกิฮาร่า รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นต่อการจ้างงานปรับตัวลดลงหนักที่สุดในรอบ 4 ปีที่ 4.1 จุด ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจจะชะลอตัวลงอีก
ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลในเดือนก.ย.ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 7 ขณะที่อัตราจ้างงานร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วนค่าจ้างโตเพียง 0.1%
ด้านนายฮิโรฮิเดะ ยามากูจิ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าววานนี้ว่า เศรษฐกิจจะยิ่งซบเซาลงอีก ซึ่งเราจำเป็นต้องจับตาความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดโดยดูความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจในต่างประเทศและตลาดเงินทั่วโลก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บีโอเจได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับ 0.3% เมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ดัชนีนิกเกอิร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี และเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ซึ่งทำให้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งอาทิ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, แคนนอน อิงค์ และโซนี่ คอร์ป ปรับลดคาดการณ์ผลกำไร