กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ร่วงลง 4.4% แตะระดับ 5.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดนำเข้าน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก
กระทรวงฯระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าและการบริการในเดือนก.ย.ลดลง 6% แตะระดับ 1.554 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าลดลง 5.6% แตะระดับ 2.119 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมร่วงลงหนักสุดถึง 15.7% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบนำเข้าโดยเฉลี่ยร่วงลง 12.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมเคิล เกรกอรี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets กล่าวว่า "ความต้องการในการนำเข้าน้ำมันดิบ รถยนต์ และโทรทัศน์จากต่างประเทศลดลง เนื่องจากวิกฤตการณ์สินเชื่อทั่วโลกส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคเอกชนของอเมริกันระมัดระวังการใช้จ่าย จึงทำให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในยุโรปและญี่ปุ่นที่ทรุดตัวลงกำลังฉุดรั้งยอดส่งออกของสหรัฐให้ลดลงด้วย
ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ร่วงลง 3.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2523 และนับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน