หู ฮุ่ยมิน รองประธานสมาคมทองคำจีน กล่าวว่า ทางการจีนควรเพิ่มปริมาณทองคำสำรองในประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินสำรองแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากในช่วงนี้เงินดอลลาร์อยู่ในภาวะผันผวนและอาจอ่อนค่าลง
"จีนควรมีทองคำสำรองหลายพันตันเป็นอย่างน้อย หรือควรมีมากกว่า 5-6 เท่าของที่ทางการกำหนดไว้ที่ 600 ตัน" นายหูกล่าว ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีเงินสำรองแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลกที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และแตะระดับสูงสุดที่ 1,032.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังเงินดอลลาร์ร่วงหนักและราคาน้ำมันพุ่งสูง ส่วนในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาราคาทองคำร่วงลงราว 30% เนื่องจากเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันลดลง และวิกฤตการเงินส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
"เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในขณะที่ราคาทองคำลดลง ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการซื้อทองคำ" แลร์รี่ แคนเตอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากบาร์เคลย์ส แคปิตอล กล่าว
"อย่างไรก็ตาม ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับข่าวนี้มากนัก เนื่องจากทางการมักใช้เวลานานมากในการดำเนินการ" นายแคนเตอร์ กล่าว "ข่าวนี้อาจทำให้ตลาดดีดตัวได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน ผมว่ามันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย"
ทั้งนี้ นสพ.เดอะ สแตนดาร์ด ของฮ่องกงรายงานในวันนี้ว่า จีนอาจซื้อทองเข้าคลังสำรองเพิ่มขึ้น เนื่องจากกังวลว่าแผนกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านของสหรัฐจะส่งผลให้เงินดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลมีมูลค่าลดลง โดยหนังสือพิมพ์อ้างแหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเพิ่มปริมาณทองคำสำรองเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม โฆษกของธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของเดอะ สแตนดาร์ด