นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายบาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสได้ยื่นข้อเสนอเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเลอร์ แอลแอลซี มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายเฮนรี พอลสัน กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า "ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของสภาคองเกรสจะเป็นคำตอบสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่แผนกู้วิกฤตการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์มิได้ครอบคลุมถึงการใช้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมดังกล่าว ส่วนเป้าหมายของการประกาศแผนให้ความช่วยเหลือโครงการฟื้นฟูสินทรัพย์ที่มีปัญหา(TARP) จะมุ่งเน้นที่การแก้ปัญหาในกลุ่มสถาบันการเงินเป็นหลัก"
นอกจากนี้ ขุนคลังสหรัฐซึ่งหันมาให้ความสำคัญกับการกระตุ้นตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคแทนแผนเดิมในการเข้าซื้อหนี้เสียของธนาคารกล่าวเสริมว่า "แผนช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของสภาคองเกรสจะช่วยต่อลมหายใจให้อุตสาหกรรมนี้คงอยู่ต่อไปได้อีกเป็นเวลานาน ซึ่งผมทราบดีว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากแค่ไหน และก็เข้าใจด้วยว่าการล้มละลายในอุตสาหกรรมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องดีเลย"
ขณะเดียวกันนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสเห็นชอบกับมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจยานยนต์มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายโอบามามองข้ามช็อตไปว่า หากรัฐบาลไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ จีเอ็มอาจต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฏหมายล้มละลายภายในสิ้นเดือนม.ค.2552 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า จีเอ็มอาจจำเป็นต้องขอเงินช่วยเหลือจากสหรัฐสูงสุดถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงปี 2553 ขณะที่หุ้นจีเอ็มยังคงดำดิ่งลงอย่างต่อเนื่องจากที่ทรุดฮวบลงไปแล้วเกือบ 90% ในปีนี้