ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัวแค่ 1.7% จากระดับปีที่แล้ว นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ระบาดเมื่อปี 2546 เนื่องจากวิกฤตการเงินโลกส่งผลให้การส่งออกและการใช้จ่ายชะลอตัวลง
ตัวเลข GDP ดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 2.6% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นได้คาดการณ์ไว้
วิกฤตการเงินทำให้ความต้องการสินค้าส่งออกจากจีนลดลง ทำให้ความเชื่อมั่นทรุดลง และทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลง นายโดนัลด์ ซัง ประธานบริหารเขตปกครองพิเศษ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ว่า ความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะถดถอยปีหน้ามีมากขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางอ่องกงจะได้ลดดอกเบี้ยลงไปแล้วก็ตาม
โจ โล นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของซิตี้กรุ๊ป อิงค์ กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ฮ่องกงมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด การส่งออกและการให้บริการทางการเงินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับฮ่องกง ซึ่งการชะลอตัวลงของธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของฮ่อง และส่งผลสืบเนื่องให้ภาวะถดถอยเป็นสิ่งที่ฮ่องกงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสแล้ว เศรษฐกิจฮ่องกงปรับตัวลง 0.5% หลังจากที่หดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 2
ในวันนี้ รัฐบาลฮ่องกงยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 3 - 3.5% จากระดับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในช่วง 4-5% โดยเมื่อปีที่แล้ว เศรษฐกิจฮ่องกงขยายตัว 6.4%