สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ร่วงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ หลังผู้บริโภคลดการใช้จ่าย

ข่าวต่างประเทศ Saturday November 15, 2008 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ร่วงลง 2.8% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงในช่วงที่วิกฤตการณ์การเงินลุกลามไปทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐจะร่วงลง 2.1% ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี

มาร์คัส โชเมอร์ นักวิเคราะห์จาก AIG Global Investment Group ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคเอกชนของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลงอีกเนื่องจากตัวเลขว่างงานพุ่งสูงขึ้น ตลาดหุ้นดิ่งลง และราคาบ้านตกต่ำลง โดยล่าสุดมีบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง เบสท์บาย และนอร์ดสตรอม ปรับลดคาดการณ์คาดการณ์

"เดือนต.ค.เป็นเดือนที่ย่ำแย่ของกลุ่มค้าปลีก และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อมาจนถึงเดือนพ.ย.และธ.ค. ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีปฏิกริยาในด้านลบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์และอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น" โชเมอร์กล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 337.94 จุด หรือ 3.82% ปิดที่ 8,497.31 จุด และส่งผลให้สัญญาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ