นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของสหรัฐอาจลดลง 0.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 60 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัวลง
ไรอัน สวีท หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Moody's Economy.com กล่าวว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลง รวมถึงราคาพลังงาน และเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนี CPI เดือนต.ค.ของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2492 ผมมองว่าหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยจำกัดความเสียหายของระบบเศรษฐกิจในขณะนี้ก็คือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก"
"สหรัฐอเมริกาเดินทางมาถึงจุดที่เศรษฐกิจไม่ขยายตัว แต่กลับหดตัวลง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตสินเชื่อ เศรษฐกิจที่หดตัวลงส่งผลให้ตัวเลขว่างงานพุ่งสูงขึ้นและผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง หากสถานการณ์ยังเป็นอยู่เช่นนี้ ก็จะยิ่งฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเร็วขึ้น" สวีทกล่าว
ขณะที่ ไนเจล กัลท์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เรากังวลว่าดัชนี CPI จะขยายตัวขึ้นจนทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ แต่ปัจจุบันเมื่อเศรษฐกิจหดตัวลงเราต้องกลับมาตระหนักเรื่องภาวะเงินฝืด"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.3% เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI เดือนต.ค.ในวันที่ 18 พ.ย.นี้