สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4%ต่อปี ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.1% และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากภาคเอกชนและภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายลง
ฮิโรมิชิ ชิรากาว่า หัวหน้านักวิเคราะห์จากธนาคารเครดิต สวิส สาขากรุงโตเกียวกล่าวว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงรุนแรงในไตรมาส 3 อาจบีบให้นายทาโร อาโสะ ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากยอดส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นทรุดตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และบริษัทญี่ปุ่นลดการจ้างงานและลดการลงทุน เราคาดว่าหากเศรษฐกิจโลกยังคงทรุดตัวลงยาวนานเช่นนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็จะถดถอยลงในระดับที่รุนแรงขึ้น"
วิกฤตการณ์การเงินที่ส่งผลกระทบไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่น ส่งผลให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับ 0.3% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% และลดอัตราดอกเบี้ย Lombard สู่ระดับ 0.50% จากระดับ 0.75% โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากวิกฤตด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก
อลัน รัสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัท RBS กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้น บีโอเจถูกกดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสกัดนักเก็งกำไรให้หยุดซื้อเงินเยน หลังจากเงินเยนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีในสัปดาห์นี้ การลดดอกเบี้ยเป็นทางออกที่ดีที่จะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย ซึ่งการลดดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.พ.ศ.2544" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน