เงินเยนแข็งค่าต่อเนื่องเป็นวันที่สองเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรหลังจากที่ประชุม G-20 เลื่อนการกำหนดมาตรการที่เฉพาะเจาะจงในการต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจโลกเป็นเดือนมี.ค.ปีหน้า ซึ่งทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงแล้วหันไปถือครองสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแทน
นอกจากนี้ เงินเยนยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ก่อนที่ทางการจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขภาคการผลิตและยอดสร้างบ้านของสหรัฐจะร่วงหนักลงไปอีก
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นวันที่สองจากกระแสคาดการณ์ว่านักลงทุนจะชะลอการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงด้วยการทำธุรกรรม carry trade
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08.54 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว เงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะที่ 120.50 ต่อยูโรจากระดับ 122.39 ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 96.22 ต่อดอลลาร์จาก 97.14 ต่อดอลลาร์
ด้านเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ 1.2522 ดอลลาร์ต่อยูโรจากระดับ 1.2605 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนเงินปอนด์เทรดกันที่ระดับ 1.4662 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จาก 1.4740 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเงินเยนอาจทะยานขึ้นไปแตะที่ 90.93 ต่อดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
"กระแสความผิดหวังต่อผลการประชุม G-20 จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น" เท็ตโทมุ โซมะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Okasan Securities Co. กล่าว "เศรษฐกิจโลกจะตกอยู่ในภาวะวิกฤตเป็นเวลานาน ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ต้องการที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง"
ที่ประชุม G-20 เรียกร้องให้มีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นโดยมีกำหนดการใช้มาตรการดังกล่าวในเดือนมี.ค.และที่ประชุมได้แนะให้มีการปรับปรุงระเบียบข้อบังคับในการกำกับดูแลระบบเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4%ต่อปี