ที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 มีมติร่วมมือกันกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวขึ้นและปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย พร้อมกับเสนอให้ใช้มาตรการแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม กลุ่ม G20 ได้เลื่อนการดำเนินมาตรการที่เฉพาะเจาะจงในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกไปเป็นเดือนมี.ค.ปีหน้า
กลุ่ม G20 ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ผู้นำกลุ่ม G20 เสนอให้ประเทศทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ กำหนดแผนการควบคุมและกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญทั่วโลก ศึกษาข้อจำกัดในการจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ธนาคาร และพยายามผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการเจรจาการค้าโลกภายในสิ้นปีนี้ โดยเนื้อหาดังกล่าวนี้เป็นโร้ดแมพที่นำไปสู่การเสริมสร้างระบบการเงินแบบใหม่ หลังจากระบบการเงินทั่วโลกได้รับความเสียหายจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ
นอกจากนี้ ที่ประชุม G20 ยังสนับสนุนให้มีการดำเนินนโยบายการเงินตามความเหมาะสม เพิ่มทุนสำหรับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อสนับสนุนประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงในปีนี้ในการเจรจราการค้ารอบโดฮา ปฏิรูปสถาบันต่างๆที่เกิดจากข้อตกลงเบรตตัน วูดส์ เพื่อให้ประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีสิทธิมีเสียงมากขึ้นในการแสดงความคิดเห็นเมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป และทบทวนมาตรฐานด้านการบัญชี การจ่ายเงินเดือนซีอีโอ กฎเกณฑ์การล้มละลาย สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และการผลักดันให้มีการซื้อขายตราสาร CDS (credit default swaps) ในตลาด
ทั้งนี้ กลุ่ม G20 มีมติให้ดำเนินการอย่างเฉพาะเจาะจงภายในวันที่ 31 มี.ค.ปีพ.ศ.2552 ก่อนการประชุมสุดยอดครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นช่วงสิ้นเดือนเม.ย.
คาร์ล เว็นเบิร์ก หัวหน้านักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า "มาตรการที่กลุ่ม G20 ร่วมกับออกแถลงการณ์ร่วมกันนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามในขณะนี้ได้ และเราคาดว่าตลาดการเงินจะไม่ขานรับแถลงการดังกล่าวเพราะกลุ่ม G20 ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนในหลายๆเรื่อง รวมถึงการผลักดันให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายภาษี" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน