นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอยู่ในขณะนี้จะยังยืดเยื้อต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจในอังกฤษ ประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา และเม็กซิโกก็จะเผชิญภาวะถดถอยด้วยเช่นกัน
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งสหรัฐ (National Association for Business Economics : NABE) ที่จัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 28 ต.ค.-7 พ.ย. ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลง 0.2% ในปีหน้าหลังจากที่ขยายตัวในระดับ 1.4% ในปีนี้ และคาดว่าที่ประชุมเฟดมีแนวโน้มตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% ไปจนถึงช่วงไตรมาสสามของปีหน้า แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะซบเซาและเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลง 0.3% ซึ่งจะกดดันให้เฟดต้องปรับลดดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 0.50% ในเดือนมี.ค.
"นักวิเคราะห์มีมุมมองในแง่ลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในหลายไตรมาสข้างหน้า จากผลกระทบของความตึงเครียดในตลาดสินเชื่อทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น" คริส วาร์วาเรส ประธานของ Macroeconomic Advisers LLC และ NABE กล่าว
ความคิดเห็นในเชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มการซื้อขายในตลาดหุ้น ธุรกิจก่อสร้าง ราคาบ้านและตัวเลขจ้างงานต่างส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายเงินภาคครัวเรือน ซึ่งในทุกวันนี้ สหรัฐได้ใช้มาตรการทุกด้านเพื่อสกัดกั้นมิให้เศรษฐกิจตกต่ำ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานสหรัฐว่าจะไต่ระดับขึ้น 7.5% ในสิ้นปี 2552 จากปัจจุบันนี้ที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 6.5% และคาดว่ายอดขายรถยนต์จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวเลขการจับจ่ายซื้อสินค้าจะร่วงลง 6.7% ในปี 2552 หลังจากที่ดิ่งลง 17% ในปีนี้