นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้(18 พ.ย.) จะประชุมติดตามการเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2552 ในส่วนของ บมจ.ปตท.(PTT) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ซึ่งจะเร่งรัดให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการเมกกะโปรเจคต์ มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้มีการติดตามดูแลการติดตั้งก๊าซ NGV ตามอู่รถยนต์ให้ได้มาตรฐาน เพื่อเตรียมปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ในรถแท๊กซี่จากใช้ก๊าซหุงต้มมาเป็นก๊าซ NGV เพื่อลดภาระผู้ประกอบการขับรถแท็กซี่ หลังมีการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG อีก 6 บาท/กก. ส่วนรถยนต์บ้านยังไม่มีมาตรการส่งเสริมการใช้
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานจะเข้มงวดในกระบวนการติดตั้ง NGV และ LPG ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยถังที่นำเข้ามาต้องได้มาตรฐาน และผู้ที่ติดตั้ง NGV และ LPG ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อติดสติ๊กเกอร์ที่จะระบุวันออกบัตรและวันหมดอายุ 1 ปีจะมีการต่ออายุสติ๊กเกอร์ 1 ครั้งเพื่อตรวจเช็คสภาพถังก๊าซ โดยจะเสียค่าธรรมเนียม เพื่อป้องกันการนำถังก๊าซไม่ได้มาตรฐานมาใช้ เนื่องจากหลังกระทรวงพลังงานประกาศปรับขึ้นราคา LPG เป็น 2 ราคาแล้วจะทำให้มีการลักลอบติดตั้งหรือถ่ายเทก๊าซจากภาคครัวเรือนมาใช้ในรถยนต์ ซึ่งคาดว่าดำเนินการแล้วเสร็จทันในปีนี้
ด้านนายแสงเจริญ ธนาดำรงศักดิ์ ประธานบริษัท ซุปเปอร์เซ็นทรัลแก๊ส จำกัด ยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ประชาชนชะลอการติดตั้งถังถึง 50% จากเดิมที่มีรถยนต์มาติดเครื่องยนต์ NGV ประมาณ 800 คัน เหลือเพียง 400 คัน ส่วน LPG ลดลงไปเกือบ 90% ประกอบกับรัฐบาลมีการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E-85 และไบโอดีเซล B-100 เป็นทางเลือกให้ประชาชนมากขึ้น
ทั้งนี้ต้องการให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นและให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยการใช้ก๊าซ NGV แก่ประชาชน รวมถึงควรเพิ่มจำนวนสถานีบริการ NGV ให้เพียงพอกับความต้องการ