นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน ต.ค.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 59,416 ล้านบาท โดยเป็นการเกินดุลเงินงบประมาณจำนวน 1,277 ล้านบาท เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ต.ค.51 และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 60,693 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายการขาดดุลตลอดปีงบประมาณ 2552 ไว้ที่ระดับ 249,500 ล้านบาท
"ส่วนใหญ่เป็นผลจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 46,000 ล้านบาท และรายจ่ายเหลื่อมจ่ายจากปีงบประมาณที่แล้วจำนวน 15,819 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดขาดดุลจำนวน 59,416 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 10,000 ล้านบาทเพื่อชดเชยการขาดดุลดังกล่าว" นายสมชัย ระบุในเอกสารเผยแพร่
ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 94,995 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 21,116 ล้านบาท หรือ 18.2% เนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย แต่มีรายได้จากภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สำคัญ ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีสุรา และภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 19.0%, 13.2% และ 9.2% ตามลำดับ
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 93,718 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 61,671 ล้านบาท หรือ 39.7% เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 มีผลบังคับใช้ล่าช้า 2 สัปดาห์ ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนใหม่ได้
โดยการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ แบ่งเป็น รายจ่ายปีปัจจุบัน 85,193 ล้านบาท หรือ 4.6% ของวงเงินงบประมาณ (1.835 ล้านล้านบาท) ขณะที่เดือนเดียวกันของปีก่อนเบิกจ่ายได้ 8.9% ของวงเงินงบประมาณ(1.66 ล้านล้านบาท) โดยมีการเบิกจ่ายที่สำคัญๆ ได้แก่ รายจ่ายให้กับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และรายจ่ายประเภทเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญดำรงชีพ และมีรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 563 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 97.9%