นักวิเคราะห์คาดแบงก์ชาติสิงคโปร์เล็งผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นศก.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สิงคโปร์ อาจดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศภายในเดือนเม.ย. หรือเร็วกว่านั้น เพื่อเอื้อให้สกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลง หลังจากยอดส่งออกร่วงหนักสุดในรอบ 6 ปีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย

แอชลีย์ เดวิส นักวิเคระห์จากยูบีเอส เอจีคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ อาจผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อช่วยให้สกุลในประเทศอ่อนค่าลงโดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ดีขึ้น หลังจากที่ได้หยุดใช้นโยบายกระตุ้นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย

"หลังจากที่ประเทศอื่นๆใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเชิงรุก ดูเหมือนว่าสิงคโปร์จะผ่อนคลายนโนบายทางการเงินผ่านการกำหนดสกุลเงินที่อ่อนค่าลงโดยเจ้าหน้าที่จะมีการหารือกันเพื่อใช้นโยบายดังกล่าวในที่ประชุมเดือนเม.ย. หรือก่อนหน้านั้นหากแรงกดดันทางเศรษฐกิจทวีความรุนแรงมากขึ้น" เดวิสกล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 06.04 น.ตามเวลาท้องถิ่น เงินดอลลาร์สิงคโปร์เทรดกันที่ระดับ 1.5218 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์ เมื่อเทียบกับระดับ 1.5283 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สิงคโปร์ดิ่งลงแล้ว 7%

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์อาจอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5400 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วง 3 เดือน

สำนักงานส่งเสริมการส่งออกเปิดเผยวานนี้ว่า ยอดส่งออกของสิงคโปร์ในเดือนที่ผ่านมาร่วงลงหนักสุดในรอบ 6 ปีจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ โดยยอดส่งออกซึ่งไม่นับรวมน้ำมันดิ่งลง 15.3% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ร่วงลง 5.7% ในเดือนก.ย.

ด้านนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสิงคโปร์จะยังดำเนินต่อไปอีกประมาณหนึ่งปี และอาจต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอีกเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่จะสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ