นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 52 ว่า จะมีอัตราการเติบโตไม่เกิน 5% เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ 3 ประเทศที่เป็นตลาดหลักส่งออกของไทย ได้แก่ สหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีโอกาสจะติดลบได้
ทั้งนี้หากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของตลาดหลักทั้ง 3 แห่งติดลบ 1% จะกระทบต่อมูลค่าการส่งออกโดยรวมของไทยราว 1.12 แสนล้านบาท แยกเป็น ตลาดสหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกลดลง 6.28 หมื่นล้านบาท, ตลาดยุโรป มูลค่าการส่งออกลดลง 3.44 หมื่นล้านบาท และตลาดญี่ปุ่น มูลค่าการส่งออกลดลง 1.52 หมื่นล้านบาท
โดยกลุ่มสินค้าไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบสูงสุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น สินค้าประมง, เกษตร, เหมืองแร่, ป่าไม้ และอื่นๆ
นายอัทธ์ ระบุว่า แม้ภาพรวมตลาดหลักของไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคาดหวังโอกาสส่งออกจากความร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชนในการเจาะตลาดใหม่ทดแทน เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมถึงตลาดที่อยู่ในข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้า(FTA) เช่น จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ การพัฒนาสินค้าไทยให้มีมาตรฐานเพื่อรักษาระดับราคาสินค้าไม่ให้ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ