นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 52 คาดว่าจะจะสูงขึ้นเป็น 38% ต่อจีดีพี จาก 36% ต่อจีดีพีในปีงบประมาณ 51 เนื่องจากรัฐบาลยังจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อใช้ลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ และการเพิ่มงบกลางปีอีก 1 แสนล้านบาท รวมทั้งการกู้เงินเพื่อใช้โครงการรับจำนำพืชผลการเกษตร
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปีงบประมาณ 52 ต้องระวังการเพิ่มขึ้นของยอดหนี้สาธารณะ และต้องดูแลควบคุมไม่ให้เกินระดับ 38%ต่อจีดีพี เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย อาจทำให้รัฐบาลต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อปรับลดลง
นอกจากนี้ ค่าเงินที่มีความผันผวน โดยเฉพาะค่าเงินเยน อาจทำให้มีภาระสูงขึ้นในการแปลงหนี้ต่างประเทศภาครัฐเป็นเงินเยน รวมถึงแนวโน้มการใช้นโยบายการคลังเพื่อดูแลเศรษฐกิจที่อาจทำให้ภาระภาครัฐสูงขึ้น
"สาเหตุที่ต้องดูแลไม่ให้หนี้สาธารณะเกิน 38% ในปีงบ 52 เนื่องจากไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจะเป็นอีกนานแค่ไหน แต่เชื่อว่าหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มสูงขึ้นไม่น่าเกิน 40% ต่อจีดีพี" นายพงษ์ภาณุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สบน.ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังศึกษาการขยายกรอบความยั่งยืนทางการคลังในส่วนของหนี้สาธารณะ ซึ่งกรอบเดิมกำหนดไม่เกิน 50% ต่อจีดีพี ควรขยายขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากมีหลายประเทศกำหนดกรอบหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงเกิน 50% เช่น ยุโรปกำหนดที่ 60% ลาวเกินระดับ 50%
ผู้อำนวยการ สบน.กล่าวอีกว่า สบน.เตรียมปรับแผนบริหารเงินกู้ต่างประเทศ หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันหนี้ต่างประเทศภาครัฐมีจำนวน 4,000 ล้านบาท เป็นเงินเยนสูงถึง 70-80% นอกจากนี้ การกู้เงินใหม่ที่มีแผนจะกู้เป็นเงินเยน จะมีการแปลงหนี้เป็นเงินบาทให้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน