กลุ่มผู้ประกอบการเรือบรรทุกสินค้าที่ควบคุมฝูงเรือบรรทุกน้ำมันดิบเกือบ 1 ใน 5 ของฝูงเรือบรรทุกน้ำมันดิบทั่วโลก เตรียมเลี่ยงใช้เส้นทางเดินเรือในบริเวณคลองสุเอซของอียิปต์ หลังจากที่เกิดเหตุโจรสลัดปล้นสะดมและโจมตีเรือขนส่งสินค้าบ่อยครั้งในบริเวณแอฟริกาตะวันออก ซึ่งการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ทางเรือสูงขึ้นตามไปด้วย
ยูโรนาฟ เอ็นวี และ ทีเอ็มที โค เจ้าของฝูงเรือที่ลำเลียงน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางไปยังยุโรปและสหรัฐ เห็นพ้องกับฟรอนท์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือรายใหญ่ที่สุดเรื่องการทบทวนเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือรอบๆน่านน้ำแอฟริกาใต้ ส่วนบริษัทเบอร์เกน บริษัทเจ้าของเรือขนส่งสารเคมีรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมายืนยันแล้วว่า บริษัทจะไม่ปล่อยให้เรือวิ่งผ่านโซมาเลีย ขณะที่บีดับบลิว ก๊าซ ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือขนส่งก๊าซเหลวรายใหญ่ที่สุดก็มีแนวโน้มว่าจะเลี่ยงเส้นทางเดินเรือผ่านโซมาเลียเช่นกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ฮิวโก เด สตอป ซีเอฟโอของยูโรนาฟ กล่าวว่า บริษัทได้แจ้งให้กัปตันเรือของเราอยู่ห่างจากชายฝั่งดังกล่าวมาโดยตลอด แต่การเดินเรือห่างจากชายฝั่งที่อันตรายเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายหรือโจรสลัดก็แทบจะไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด
ฟรอนท์ไลน์ ยูโนนาฟ และทีเอ็มที มีฝูงเรือน้ำมันขนาดใหญ่จำนวน 90 ลำ ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับความต้องการน้ำมันทั่วโลกได้เป็นเวลากว่า 2 วัน การตัดสินใจเลี่ยงเส้นทางเดินเรือบริเวณคลองสุเอซ ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้จากต่างประเทศสูงเป็นอันดับ 3 ของอียิปต์นั้น จะทำให้การขนส่งน้ำมันล่าช้าออกไป และยังทำให้ปริมาณเรือขนส่งที่มีอยู่ลดน้อยลงไปด้วย
โนบุ ซู ซีอีโอของทีเอ็มที ได้ผลักดันให้กลุ่มเจ้าของเรือเดินสมุทรเลี่ยงเส้นทางเดินเรือที่อันตราย ทางด้านซีอีโอรักษาการของฟรอนท์ไลน์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเบอร์มิวด้า กล่าวว่า อาจจะเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือเช่นกัน
โจรสลัดโซมาเลียได้ยึดเรือขนส่งน้ำมันของซาอุดิอาระเบียที่บรรทุกน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรลมูลค่าประมาณ 108 ล้านดอลลาร์ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนตัวเรือเองก็มีมูลค่าประมาณ 148 ล้านดอลลาร์