สภาคองเกรสได้กำหนดให้บริษัทรถยักษ์ใหญ่ 3 รายของสหรัฐหรือ "บิ๊กทรี" ซึ่งประกอบไปด้วย เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) ฟอร์ด มอเตอร์ คอร์ป และไครสเลอร์ นำแผนฟื้นฟูกิจการมานำเสนอภายในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ หากกลุ่มบิ๊กทรีต้องการให้สภาอนุมัติแผนการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้บริหารกลุ่ม "บิ๊กทรี" ซึ่งได้แก่ ริค วาโกเนอร์ ซีอีโอจีเอ็ม, อลัน มูลัลลี ซีอีโอฟอร์ด มอเตอร์ และโรเบิร์ต นาร์เดลลี ซีอีโอไครส์เลอร์ ได้เข้าชี้แจงต่อนายคริสโตเฟอร์ ด็อด ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งสภาคองเกรส เพื่อเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนปล่อยเงินกู้ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์อุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มบิ๊กทรีไม่ได้นำแผนการฟื้นฟูกิจการมานำเสนอด้วยแต่อย่างใด
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ 4 รายจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตเห็นด้วยกับการอนุมัติข้อตกลงเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ ด้านนางดาน่า เพอริโน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เองก็สนับสนุนให้มีการทำข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะมีการทำเงินกู้จากด้านพลังงานมาใช้ ซึ่งทำเนียบขาวขอให้คองเกรสผ่านกฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด
แต่นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า หากไม่มีการนำเสนอแผนการใช้เงินและข้อมูลเกี่ยวกับการอยู่รอดของบริษัทอันเนื่องมาจากงบช่วยเหลือนี้แล้ว เราก็คงจะไม่สามารถอนุมัติเงินช่วยเหลือได้
แฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวว่า ผู้บริหารอุตสาหกรรมรถจะต้องร่วมมือกัน เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารเหล่านี้ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ชาวอเมริกันและคองเกรสเห็นพ้องว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องการเงินช่วยเหลือนี้เพียงใด
หลังจากที่ผู้บริหารกลุ่มบิ๊กทรีสามารถนำเสนอข้อมูลกับสภาคองเกรสได้ในวันที่ 2 ธ.ค. สภาคองเกรสก็จะจัดการประชุมขึ้นในสัปดาห์ต่อไป เพื่อลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์
อย่างไรก็ดี ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากนักสำหรับบริษัทรถของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากยอดขายที่ดิ่งลง จีเอ็มเองกล่าวว่า ภายในต้นปีหน้าบริษัทก็คงไม่มีเงินสดหมุนเวียนเหลืออยู่