บริษัท ฟอนเทียร่า โคโอเปอเรทีฟ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนการซื้อขายผลิตภัณฑ์นมในระดับสากลประมาณ 40% ชี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยลงมีแนวโน้มว่า จะทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เนย ชีส และนมผงฟื้นตัวยากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552
นอกจากนี้ ฟอนเทียร่า ยังได้ลดคาดการณ์รายได้ของเกษตรกรชาวนิวซีแลนด์ลง เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์นมที่ทรุดฮวบลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา วิกฤตตลาดเงินเองก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ราคาผลิตภัณฑ์นมจึงมีแนวโน้มที่จะตกลงไปอีก
บลูมเบิร์กรายงานว่า เฮนรี ฟาน เดอ เฮย์เดน ประธานฟอนเทียร่า กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ควรจะประมาทเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดทั่วโลก เพราะกำลังเข้าสู่ยุควิกฤตทางเศรษฐกิจ
ราคาเนย นม และชีสทั่วโลกตกลงไปแล้วประมาณ 42% จากปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงตามไปด้วย ขณะที่ผลผลิตนมในสหรัฐและยุโรปเพิ่มขึ้น ราคานมผงที่มีการซื้อขายในเดือนหน้านั้น ตกลงมาแล้วประมาณ 24% ในการประมูล 2 ครั้งที่ฟอนเทียร่าจัดขึ้นเมื่อเดือนก.ย. เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ดิ่งลงและการคุมเข้มด้านสินเชื่อ
เคลวิน วิคแฮม กรรมการผู้จัดการฝ่ายการค้าโลกของฟอนเทียร่า กล่าวว่า ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ทางเดียวที่ตลาดจะฟื้นตัวก็เมื่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว และราคาขายปลีกเริ่มปรับตัวลง
ทั้งนี้ ฟอนเทียร่าเป็นบริษัทที่มีเกษตรกรชาวนิวซีแลนด์ 10,700 คนที่จัดส่งนมให้เป็นเจ้าของ และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 95% ของการผลิตนมของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นปริมาณการส่งออกนมของบริษัทด้วยเช่นกัน