บอร์ดของซิตี้กรุ๊ปได้ประชุมร่วมกันในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการทางเลือกของธนาคาร หลังจากที่การดำเนินการต่างๆนานาของนายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป อิงค์เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จในการสกัดราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปที่ร่วงลงแตะระดับต่ำในรอบ 115 ปี
การประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของซิตี้กรุ๊ปในนิวยอร์ก โดยมีนายวิน บิสชอฟ ประธาน และริชาร์ด พาร์สันส์ ผู้อำนวยการเป็นผู้นำการประชุม วอลล์ สตรีท เจอร์นอลรายงานว่า ที่ประชุมซิตี้กรุ๊ปคาดว่าจะพิจารณาเรื่องการขายหุ้นของธนาคารว่าจะขายหุ้นเป็นบางส่วนหรือจะขายหุ้นทั้งหมด ขณะที่นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ผู้บริหารของธนาคารไม่ได้พิจารณาเรื่องการขายหุ้นหรือแตกบริษัทอย่างจริงจังแต่อย่างใด
ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเคยรั้งอันดับธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ 2.74 แสนล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นปี 2549 ตกลงมาอยู่อันดับ 5 หลังจากที่มูลค่าร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จนมาอยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยการประกาศแผนการปลดพนักงาน 52,000 คนเพื่อลดต้นทุน และการออกมารับรองจากเจ้าชายอัลวาลีด บิน ทาลาล นักลงทุนมหาเศรษฐีของซาอุดิอาระเบียก็ไม่ได้ช่วยคลายความกังวลเรื่องหนี้เสียและมูลค่าหลักทรัพย์ที่ลดลงจนทำให้ธนาคารอาจจะขาดทุนถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ซีอีโอซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานทั่วโลก 52,000 คนในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารประกาศไว้เมื่อเดือนที่แล้วถึง 2 เท่า หลังจากได้รับผลกระทบจากการขาดทุนติดต่อกันหลายไตรมาสและเศรษฐกิจโลกที่ทรุดตัวลง
นายบัณฑิต วัย 51 ปี ดำเนินการปรับลดต้นทุนอย่างเร่งด่วน หลังจากราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 19% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยจะสกัดกั้นอัตราการปล่อยกู้ ขณะที่ผู้บริโภคที่กู้เงินซื้อบ้านและลูกค้าบัตรเครดิตผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้วตัวเลขหนี้เสียของซิตี้กรุ๊ปอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่แล้วถึง 4 พันล้านดอลลาร์ และธนาคารยังไม่สามารถทำกำไรได้นับตั้งแต่ขาดทุนติดต่อกันยาวนานถึง 4 ไตรมาส