เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร นิวยอร์กเกอร์ ว่า เขายอมรับว่าได้ประเมินผลกระทบของวิกฤตการณ์ซับไพรม์ที่จะมีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ต่ำเกินไป
"ผม และคณะกรรมการเฟดยอมรับว่า เราพูดเร็วไปที่บอกว่าวิกฤตซับไพรม์จะส่งผลกระทบในวงจำกัดต่อระบบเศรษฐกิจ ขณะนี้ผมตระหนักว่าปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์และระบบการเงินโดยรวม มีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนมาก และยากที่จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า" เบอร์นันเก้กล่าว
นิตยสารนิวยอร์กเกอร์รายงานบทสัมภาษณ์ของเบอร์นันเก้ผ่านคอลัมน์ "Anatomy of a Meltdown" โดยระบุว่า การล่มสลายของตลาดซับไพรม์ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 และส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ คอลัมภ์ดังกล่าวยังระบุว่า เบอร์นันเก้ และนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐได้พยายามใช้ยุทธศาสตร์ที่เบอร์นันเก้และคณะกรรมการเฟดเรียกว่า “finger-in-the-dike" ในการแก้ปัญหาระบบการเงินมานานพอแล้ว ซึ่งเบอร์นันเก้คาดหวังว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะใช้ได้ผล สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน