นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทมองว่า การที่นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมแต่งตั้งทิโมธี ไกธ์เนอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ค ให้ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง จะส่งผลให้ความสำคัญของ เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ลดน้อยลงในฐานะบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการคลี่คลายปัญหาให้กับบริษัทในย่านวอลล์สตรีท และจะบีบให้เบอร์นันเก้ต้องเร่งสรรหาบุคคลที่จะมารับตำแหน่งผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์กแทนนายไกธ์เนอร์
ลิล แกรมลีย์ อดีตผู้ว่าการเฟดซึ่งปัจจุบันได้ผันตัวเองไปเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโสให้กับบริษัท สแตนฟอร์ด กรุ๊ป กล่าวว่า "การที่ไกธ์เนอร์อำลาตำแหน่งไปเป็นรมว.คลังจะทำให้เบอร์นันเก้สูญเสียบุคลากรที่เคยพึ่งพาได้ในการยับยั้งระบบการเงินไม่ให้ล่มสลาย และคาดว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนไกธ์เนอร์อาจเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล อาทิ เควิน วาร์ช หนึ่งในผู้ว่าการเฟด หรืออาจจะเป็น วิลเลียม ดั๊ดลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของเฟดสาขานิวยอร์ก
"ตำแหน่งผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์กเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก และจะต้องมีการสรรหาบุคคลากรทดแทนให้เร็วที่สุดหากไกธ์เนอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรมว.คลังอย่างเป็นทางการ" แกรมลีย์กล่าว
ไกธ์เนอร์ วัย 47 ปี เป็นตัวเก็งที่มีสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้รมว.คลังสหรัฐตั้งแต่เริ่มแรก โดยเขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่คลังภายใต้การบริหารงานของนายโรเบิร์ต รูบิน และ นายลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส และเป็นบุคคลที่มีบทบาทอย่างมากในการช่วยเหลือนาย เฮนรี พอลสัน รมว.คลังคนปัจจุบัน และทีมงาน ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในสถาบันการเงินของสหรัฐ รวมถึงแบร์ สเติร์นส, เลห์แมน บราเธอร์ส และเอไอจี
นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญด้านการเงินแล้ว ไกธ์เนอร์มีความรู้ด้านภาษีที่หลากหลาย รวมทั้งภาษาจีนและญี่ปุ่น ทั้งนี้หากไกธ์เนอร์เข้ารับตำแหน่งรมว.คลังสหรัฐ ภารกิจที่สำคัญของเขาคือการพยายามทำให้จีนและญี่ปุ่นยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต่อไป
นอกจากนี้ หากไกธ์เนอร์รับตำแหน่งรมว.คลัง เขาจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของโอบามาว่า จะแต่งตั้งเบอร์นันเก้ เป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่งหรือไม่ เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเบอร์นันเก้หมดลงในเดือนม.ค.ปีพ.ศ.2552
รายงานระบุว่า โอบามาเตรียมออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในการเสนอชื่อไกธ์เนอร์ให้ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และเสนอชื่อซัมเมอร์ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติในทำเนียบขาวในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย