บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เตือนว่า ระบบเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ "วงจรที่เลวร้าย" และเผชิญกับตัวเลขคนว่างงานหลายล้านคน นอกเสียจากว่าจะผ่าทางตันด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกอบกู้วิกฤตการณ์ในอุตสาหกรรมรถยนต์
"หากเราไม่ใช้ 'ยาแรง' และไม่ปรับเปลี่ยนแผนกู้วิกฤตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สหรัฐก็อาจเผชิญตัวเลขคนว่างงานอีกหลายล้านคนในปีหน้า เราต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและไม่สามารถรอได้แม้แต่นาทีเดียว" โอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ชิคาโก
ทั้งนี้ โอบามาประกาศตั้งทีมงานด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ โดยให้ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และแต่งตั้งลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ อีกทั้งแต่งตั้ง คริสตินา โรห์เมอร์ เป็นประธานสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และเมโลดี้ บาร์นส เป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการเมืองภายในประเทศ
โอบามาให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะผลักดันให้มีการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีมูลค่ามากเท่าใด โดยกล่าวเพียงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพควรคำนึงถึงขนาดและขอบเขตความเสียหาย และสามารถกอบกู้เศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวในระดับเดิมได้
"ผมรวบรวมทีมงานด้านเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในอเมริกา เพื่อชี้ทิศทางที่ควรเดินไป ผมอยากให้พวกท่านมั่นใจว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในรัฐบาลของผมจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของเราให้ฟื้นตัวได้ โดยเราจะมุ่งเน้นเรื่องการจ้างงานและกอบกู้ความเชื่อมั่นในภาคเอกชน" โอบามากล่าว
โอบามายังกล่าวด้วยว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจะครอบคลุมถึงการสนับสนุนพลังงานสะอาดและการศึกษา การวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาวโดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก และการรับมือกับวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า นอกจากนี้ โอบามามีแผนที่จะให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประสบภาวะขาดสภาพคล่องและมีแนวโน้มที่จะล้มละลาย โดยระบุว่า "เราไม่อาจปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ล่มสลายได้ เพราะอุตสาหกรรมประเภทนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติสังกัดพรรคเดโมแครต รวมถึง นายชาร์ลส์ ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกกรุงนิวยอร์ก วางแผนที่จะร่างมาตรการที่มีมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้านดอลลาร์ และจะยื่นแผนการดังกล่าวให้กับโอบามาในวันแรกที่รับตำแหน่งประธานาธิบดี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน