ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ที่หดตัวเกินคาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 95.640 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 97.040 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ระดับ 1.1839 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1960 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3071 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2912 ดอลลาร์/ยูโร เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5505 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.5155 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5497 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.5474 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวอยู่ที่ 0.6530 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง
ขณะที่ ABC News เปิดเผยดัชนี Consumer Comfort Index (CCI) รายสัปดาห์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐว่า ดัชนีทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -52 จุด ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 พ.ย.
ในฝั่งยุโรปนั้น สถาบัน Ifo ในเมืองมิวนิคเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหาร 7,000 ราย ร่วงลงแตะ 85.8 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ 90.2 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2536 และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของบลูมเบิร์กได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงแตะ 88.7
บริษัทสัญชาติเยอรมัน อาทิ BASF SE ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีรายใหญ่สุดของโลก รวมถึงบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ Bayerischer Motorenwerke AG และ Daimler AG พากันลดการผลิตเนื่องจากยอดสั่งซื้อลดลง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศได้เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบอย่างน้อย 12 ปีในไตรมาสสาม และดัชนี DAX ของเยอรมนีก็ดิ่งลงเกือบ 50% แล้วในปีนี้
โดมินิค ไบรอันท์ นักเศรษฐศาสตร์จากบีเอ็นพี พารีบาส์ ในลอนดอน กล่าวว่า ภาวะถดถอยได้ลุกลามมาถึงบริษัทของเยอรมนีแล้ว และผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ก็กำลังถูกกระทบ แนวโน้มในอีก 2-3 ไตรมาสไม่สู้ดีนัก เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีนั้นขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาการณ์ว่า เศรษฐกิจในสหรัฐและยูโรโซน หรือกลุ่ม 15 ประเทศที่ใช้เงินยูโร จะหดตัวลงพร้อมกันในปีหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะหดตัวลง 0.8%