กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% และเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย
ดานา เพริโน โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เศรษฐกิจหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อยับยั้งภาวะถดถอย เราเชื่อว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จีดีพีไตรมาส 3 หดตัวลงเกินคาดมาจากการที่ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน ดังนั้น มาตรการของรัฐบาลจึงมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นตลาดสินเชื่อไม่ให้หยุดชะงัก"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง 3.7% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 28 ปี เมื่อเทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 3.1% ขณะที่ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายลง 17.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 11 ไตรมาส
ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่หดตัวลงเกินความคาดหมายในไตรมาส 3 เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาน้ำมันดิบและทองคำร่วงลงเมื่อคืนนี้ และยังถ่วงดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน