องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือโออีซีดี (OECD) แนะออสเตรเลียลดอัตราดอกเบี้ย การใช้จ่ายของภาครัฐและการส่งออก เพื่อเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า และคาดการณ์ว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 1.7% ในปีหน้า จากระดับปีนี้ที่ 2.5% ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.7% ในปี 2553 ส่วนเงินเฟ้อจะปรับตัวลงมาอยู่ในช่วงระดับเป้าหมายของธนาคารที่ 2-3% ในปี 2553
นายเกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียได้ลดดอกเบี้ยลงไป 2% เหลือ 5.25% ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ย. นับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2534 นอกจากนี้ รัฐบาลเองก็กำลังพยายามกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วยการจัดงบประมาณให้กับครัวเรือน กลุ่มผู้ซื้อบ้าน และกลุ่มผู้เกษียณจำนวน 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า OECD ระบุว่า การคาดการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าสถานการณ์ภายนอกจะกดดัน แต่ก็ควรจะมีการควบคุมผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตการเงินและการค้าที่อ่อนตัวลงไว้ด้วยเช่นกัน การลดอัตราเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงิน จะช่วยปกป้องนโยบายด้านการเงิน
OECD ยังได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ซึ่งอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว จะอ่อนตัวลง 0.3% ในปีหน้า เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยที่ตกลง การลดดอกเบี้ยและลดภาษีรายได้จะช่วยกระตุ้นความต้องการภายในประเทศภายในปี 2553
ทั้งนี้ แนวโน้มของนิวซีแลนด์จะยังคงซบเซาเนื่องจากภาวะไร้สมดุลในเศรษฐกิจมหภาค เช่น เงินเฟ้อ มูลค่าที่สูงเกินไปของที่อยู่อาศัย หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้น จะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะคลี่คลายลง