(เพิ่มเติม) รมว.คลัง คาดปิดสุวรรณภูมิกด GDP ไทยปี 51 โตไม่ถึง 5%,ไม่ลด VAT

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 26, 2008 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง คาดว่า เหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ไม่มีหวังที่เศรษฐกิจไทยในปี 51 จะเติบโตได้ถึง 5% แล้ว แต่ในปี 52 ยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ตามที่คาดไว้ในระดับ 3-4%

ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% ลงนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า คงไม่สามารถทำตามข้อเสนอดังกล่าวได้ เนื่องจากอัตราภาษ๊มูลค่าเพิ่มของไทยที่ระดับ 7% ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำแล้ว

อย่างไรก็ตาม รมว.คลังแสดงความกังวลต่อการจัดงบประมาณกลางปี 52 เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนี้การประชุมสภาถูกขัดขวางไม่ให้มีขึ้นได้

นายสุชาติ ยังกล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีที่กำหนดมีขึ้นในวันนี้ได้เลื่อนออกไปเป็นช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้

รมว.คลัง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กลุ่ม พธม.ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้นทันที คือด้านการท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากจะทำให้สูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยว โดยประเมินว่าอาจจะเป็นเม็ดเงินกว่า 2 แสนล้านบาท จากปกติที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศปีละ 1.7 ล้านคน เป็นรายได้กว่า 7 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐบาลเองมีการตั้งงบกลางปี 1 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายประเทศที่เคยเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าประเทศไทย และอยู่ระหว่างการตัดสินใจยกเลิกการเตือนดังกล่าว เช่น จีน อาจจะยังคงการเตือนนักท่องเที่ยวเช่นเดิม และอาจมีประเทศอื่นๆ เพิ่มการเตือนมากขึ้น อีกด้านคือการขนส่งสินค้าทางอากาศ (แอร์คาร์โก้) ยังได้รับผลกระทบทางธุรกิจด้วย

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบหลายด้าน ระยะสั้น กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงนักลงทุน ที่อาจจะเลือกไปลงทุนประเทศอื่นๆ ที่พร้อมที่มีกว่า 190 ประเทศ" รมว.คลัง กล่าว

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ปิดสนามบิน ยอมรับว่า อาจทำให้เศรษฐกิจไทยปี 51 ขยายตัวได้ไม่ถึง 5% จากรายได้ด้านการท่องเที่ยวที่ลดลง ส่วนปี 52 ยังหวังให้เศรษฐกิจขยายตัว 3-4% ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ยังสร้างความวิตกกังวลเกิดขึ้นมาก

รมว.คลัง กล่าวว่า ไม่สามารถลดภาษีแวต เหลือ 4% ตามข้อเสนอของภาคเอกชนได้ เนื่องจาก ปัจจุบันอัตราภาษีอยู่ในระดับต่ำ และเห็นว่า การปรับโครงสร้างภาษีไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งสอดคล้องกับ แนวคิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนากยรัฐมนตรีและรมว.คลัง รวมถึงเห็นด้วยกับแนวคิดของ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. ที่ระบุว่า การลดดอกเบี้ย คงไม่สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่งอในระบบได้ หากสภาพคล่องยังอยู่ที่ ธนาคารพาณิชย์ หรือ ธปท. ไม่ได้อัดฉีดเข้าสู่ระบบ หากเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องการให้ดอกเบี้ยอาร์พี อยู่ระดับไม่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อให้ ธนาคารพาณิชย์ เริ่มปล่อยสินเชื่อ สร้างรายได้ให้ธุรกิจ

"สิ่งที่กังวล คืออย่าไปทุ่มกับบางที่ บางจุด เพราะยังไม่รู้ว่าโดยรวมโลกจะฟื้นได้อย่างไร ดังนั้น ในทุกสายตาของเรา ไม่ควรคาดหวังว่าจะดีเกินไป...หากเศรษฐกิจโลกถดถอย เราคงโตสวนกระแสไม่ได้ ดังนั้น เราก็ต้องจัดงบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" นายสุชาติ กล่าว

สำหรับการจัดทำงบกลางปี 1 แสนล้านบาท รมว.คลัง ยอมรับว่า มีความกังวลว่าอาจจะจัดทำไม่ทัน เพราะอาจเปิดประชุมสภาไม่ได้ แต่ถือเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการกระจายเม็ดเงินไปสู่ผู้มีฐานะด้อยกว่า มีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ อย่ามองว่า เป็นโครงการประชานิยม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ