นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เสถียรภาพเศรษฐกิจ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.เตรียมทบทวนประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 51 จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวที่ 5.1 % และ เศรษฐกิจไทยปี 52 เดิมคาดการณ์ขยายตัวที่ 4-5%
ทั้งนี้ คาดว่าการทบทวนครั้งนี้จะเป็นการปรับลดประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 51-52 เนื่องจากขณะนี้มีทั้งปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศจากผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อไทย และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่วนปัจจัยในประเทศ จากปัญหาการเมือง ความวุ่นวายของการชุมนุมปิดสนามบินแห่งชาติที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจท่องเที่ยว
"จากการประเมินขณะนี้ มองว่าปัจจัยด้านลบ จะมีมากกว่าปัจจัยบวก แม้ราคาน้ำมันที่ลดลง ช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อแล้ว อาจจะทำให้มีการลงทุนเกิดขึ้น" นายพิสิทธิ์ กล่าว
นายลวรณ แสงสนิท รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาโครงสร้างระบบภาษี สศค. กล่าวว่า แนวทางการปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามข้อเสนอของภาคเอกชนนั้นยังต้องพิจารณาข้อมูลผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทั้งผลกระทบต่อฐานะการคลัง และประสิทธิผลที่จะได้รับจากการลดภาษี แต่สุดท้ายการตัดสินใจจะต้องขึ้นอยู่กับ รมว.คลัง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม
ด้านนายพิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือน ต.ค.51 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 52 เกินกว่าเป้าหมายแค่ 0.1% ขณะที่แนวโน้มระยะต่อไปอาจต่ำกว่าเป้าหมายจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 4,500 ล้านบาทในเดือน ต.ค. และจนถึง ม.ค.51 จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 20,000 ล้านบาท หลังหมดมาตรการดังกล่าวแล้วคาดว่าจะทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลดีขึ้นได้บ้าง