บีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดในโลก ชี้การซื้อกิจการของริโอ ทินโต กรุ๊ป จะทำให้บริษัทมีหนี้สินเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเป็นห่วง ในขณะที่วิกฤตสินเชื่อครั้งรุนแรงสุดก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะคลี่คลายลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดอน อาร์กัส ประธานของบีเอชพี กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันนี้ว่า หากมีการรวมกิจการของบีเอชพี และริโอ ทินโต แล้ว จะคิดเป็นมูลค่าตลาด 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หนี้ถึง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขหนี้สินดังกล่าวได้นับรวมแผนการซื้อหุ้นคืนภายหลังการซื้อกิจการแล้วจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์
บีเอชพี ได้ยกเลิกแผนการซื้อกิจการริโอ ทินโต มูลค่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 25 พ.ย. โดยอ้างเรื่องสถานการณ์ผันผวนในตลาดทั่วโลก ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง และหนี้สินของริโอที่ 4.21 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่า อาจจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สินของริโอ ทินโต มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาโลหะที่ตกลง
อาร์กัส กล่าวว่า ความสามารถที่ลดลงในการรับมือกับหนี้สินดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินในระดับที่ไม่สามารถยอมรับได้สำหรับผู้ถือหุ้นของบีเอชพี
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ระบว่า แนวโน้มของอันดับความน่าเชื่อถือของบีเอชพีมีแนวโน้มว่า จะยังคงเป็นลบจนกระทั่งได้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ของบริษัท หลังจากที่ได้ยกเลิกแผนการซื้อกิจการริโอทินโต