"ฟอร์ด"เล็งปรับลดกำลังการผลิตรถยนต์ในยุโรป 10% ปีหน้า หลังยอดขายซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 27, 2008 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟอร์ด มอเตอร์ โค ค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับสองของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทจะปรับลดกำลังการผลิตรถยนต์ในยุโรปลงประมาณ 10% ในปีหน้า เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ฉุดรั้งความต้องการรถใหม่ๆ

อาเดรียน ชมิทซ์ โฆษกของฟอร์ดเปิดเผยว่า นอกจากฟอร์ดจะปรับลดกำลังการผลิตไปแล้ว 3% ในปีนี้ บริษัทยังมีแผนปลดลูกจ้างชั่วคราว และปิดโรงงานทั่วยุโรป เนื่องจากบริษัทต้องการกระตุ้นสภาพคล่องหลังจากที่ขาดทุนไป 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่สาม ซึ่งบริษัทประเมินว่ายอดขายรถทั่วยุโรปตะวันตกจะตกลงประมาณ 15 ล้านคันในปี 2552 จากระดับ 16.7 ล้านคันในปีนี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 4.03 น. ตามเวลาท้องถิ่น หุ้นของฟอร์ดที่ทำการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 30% ซึ่งทำสถิติทะยานขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2523 หลังจากที่นักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงก์ เอจีคาดว่าฟอร์ดและเจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป จะประกาศใช้แผนทางการเงินในเชิงรุก ขณะที่ค่ายรถทั้งสองแห่งกำลังขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ

โดยในเดือนนี้ ฟอร์ดได้ขายหุ้นของมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปในญี่ปุ่นในสัดส่วน 20% ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ปรับลดต้นทุนด้านค่าจ้างพนักงานในอเมริกาเหนือลงอีก 10% หลังจากที่ได้ลดเงินเดือน 15% เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ไบรอัน จอห์นสัน นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอลกล่าวว่า ฟอร์ดอาจต้องขาดทุนหนักในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า หลังจากที่ขาดทุนถึง 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ปี 2548 และอาจต้องขอเงินกู้จากทางการสหรัฐเพื่อช่วยประคับประคองธุรกิจไม่ให้ล้มละลาย

ทั้งนี้ ฟอร์ดจะมียังเม็ดเงินที่ใช้เป็นทุนหมุนเวียนสภาพคล่องคิดเป็นเงิน 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ว่า บริษัทจำเป็นต้องมีเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ