ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 25 พ.ย.51 และท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการที่ไทยมีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภูมิภาค ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
"ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าท่าอากาศยานทั้งสองจะสามารถเปิดให้บริการได้เมื่อใด แต่แม้จะสามารถเปิดให้บริการได้ในไม่ช้านี้ก็ตาม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้นนับว่าใหญ่หลวง ทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจในระยะสั้นที่สามารถประเมินออกมาเป็นมูลค่าได้ และความสูญเสียทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างมิอาจประเมินค่าได้" เอกสารเผยแพร่ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักและมีความสำคัญในด้านการคมนาคมขนส่งและเศรษฐกิจแก่ประเทศไทย ซึ่งมีปริมาณการเดินทางและขนส่งสินค้าทางอากาศสูงที่สุดในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่มีเทศกาลส่งท้ายปีใหม่ต้อนรับปีเก่าและมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้เป็นช่วงที่มีปริมาณการเดินทางและขนส่งสินค้าทางอากาศสูงกว่าช่วงอื่นๆ
"ธุรกรรมผ่านท่าอากาศยานที่ต้องหยุดชะงักลงไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม จึงหมายถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการแข่งขันที่อาจสูญเสียอย่างใหญ่หลวง" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองต้องปิดให้บริการได้สร้างความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งหากรวบรวมความเสียหายที่หน่วยงานต่างๆ ประเมินออกมาพบว่าสูงกว่า 2 แสนล้านบาท
ในอนาคตถึงแม้รัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ระบบเศรษฐกิจไทยนั้นจะยังคงมีต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนออกไปสู่ประชาชนและธุรกิจของชาวต่างชาติรุนแรงที่สุด
"ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต และกลายเป็นโอกาสให้ประเทศคู่แข่งอื่นๆ ใช้จุดอ่อนของประเทศไทยในการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับตัวเอง ดึงรายได้และโอกาสมหาศาลไปจากประเทศไทย อันจะนำมาซึ่งความสูญเสียต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอย่างที่ประเมินค่ามิได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
สิ่งที่คาดการณ์ว่าจะได้รับความเสียหายเท่าที่มองเห็น ได้แก่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาค การลงทุนจากต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนโอกาสของไทยในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำคัญในภูมิภาค
"ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งปีจนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจนั้นจำเป็นต้องเร่งแก้ไขและหาทางออกโดยด่วน เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยได้รับการซ้ำเติมจากปัญหาไปมากกว่านี้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ