ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 26 ปี ซึ่งทำให้ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของยุโรปและเอเชียดิ่งลงตามไปด้วย ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐที่เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 กำลังขยายวงกว้างลุกลามไปยังทั่วโลก
ดัชนีภาคการผลิตของสำนักงานจัดการอุปทาน (ISM) ร่วงลงสู่ระดับ 36.2 จุด ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงไปอยู่ที่ 37 จุด และตัวเลขดังกล่าวยังบ่งชี้ถึงราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 60 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อภาวะเงินฝืดมากขึ้น ขณะเดียวกัน ดัชนีภาคการผลิตในโรงงานของจีน อังกฤษ กลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงรัสเซียก็ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ด้านสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 และจากภาวะเศรษฐกิจที่เคลื่อนไหวในช่วงขาลง รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ได้สร้างแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายระลอก
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐนั้นกลายเป็นปัจจัยลบที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนวานนี้ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทรุดลง 7.70% แตะที่ 8,149.09 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 8.93% แตะที่ 816.21 จุด