นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานถึงการจัดทำกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ(Inflation Targetting)ของปี 52 โดย ธปท.ยังคงยึดการใช้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core Inflation)ตามเดิม ไม่ใช้เงินเฟ้อทั่วไป(Headline Inflation) ที่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน เนื่องจากเห็นว่าการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ควรควบคุมด้านการบริโภค (Demand) ไม่ใช่ด้านการผลิต (Supply)
ทั้งนี้ ธปท.เสนอเป้าหมายเงินเฟ้อปี 52 อยู่ที่ 0.5-3.0% จากปี 51 ที่กำหนดไว้ที่ 0.0-3.5% ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้
นายสุชาติ กล่าวว่า การดูแลเงินเฟ้อต้องอยู่ภายใต้เศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีและมีสภาพคล่องเพียงพอ แต่ต้องระวังอย่าให้เงินเฟ้อติดลบ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ดังนั้น ระยะต่อไปการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลเงินเฟ้อจะต้องมีอัตราเปลี่ยนแปลงครั้งละ 0.5%
"ผมเห็นด้วยที่ใช้ core inflation ทำกรอบเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อควรคุมที่ดีมานด์ ไม่ใช่ซัพพลาย เพราะดีมานด์ สะท้อนถึงการพิมพ์แบงก์ หากพิมพ์แบงก์มาก ก็เกิดเงินเฟ้อ หากพิมพ์น้อยก็เกิดภาวะเงินฝืดได้" นายสุชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแต่ละปี ภายใต้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่จะต้องเสนอที่ประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาด้วย ซึ่งการประชุม ครม.วันนี้ คงจะยังเสนอไม่ทัน