นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดเหลือโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกไม่มากนักและอาจต้องใช้นโยบายอื่นๆเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น การเข้าซื้อหลักทรัพย์พันธบัตร เป็นต้น
เบอร์นันเก้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญความอ่อนแออีกระยะหนึ่ง แม้ว่าวิกฤตสินเชื่อจะคลายความตึงเครียดลงแล้ว ขณะที่เฟดไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่าระดับ 0% โดยให้เหตุผลว่าแม้การลดดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงจากระดับ 1% ในขณะนี้ลงเหลือ 0% อาจมีความเป็นไปได้ แต่ ณ จุดนี้ การใช้นโยบายด้านการกำหนดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีข้อจำกัด ดังนั้น มาตรการระลอกใหม่จึงมุ่งเน้นที่การเสริมสภาพคล่อง ซึ่งยังเป็นนโยบายที่ใช้ได้ผล
นอกจากนี้ เฟดอาจเลือกใช้วิธีการกว้านซื้อพันธบัตรระยะยาวหรือตราสารหนี้ในตลาดเปิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิธีการเช่นนี้จะมีผลต่อส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์มากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ได้ทำให้ส่วนต่างพันธบัตรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเวลา 14.31 น.ตามเวลานิวยอร์ก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี ร่วงลง 0.25% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.67%
ทั้งนี้ เฟดจะยังคงเดินหน้าหาทางควบคุมให้อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเป้าหมายของตลาดให้มากที่สุด หลังจากที่ได้ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 1% ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน เฟดได้ประกาศใช้ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความตึงตัวของสินเชื่อให้กับผู้ซื้อบ้าน ผู้บริโภค และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงการซื้อหนี้สิน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและตั้งวงเงินกู้ฉุกเฉิน 2 แสนล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค