ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังนักลงทุนกลับเข้าเทรดตลาดหุ้น

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 3, 2008 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเทขายดอลลาร์และกลับเข้าเทรดในตลาดหุ้นหลังจากบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ยืนยันว่าจะจ่ายเงินปันผลแม้ผลประกอบการไตรมาส 4 มีแนวโน้มอ่อนแอลงก็ตาม ขณะที่ค่าเงินยูโรและเงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แม้มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปจะลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ตาม

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2711 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2625 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4903 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.4883 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 93.380 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.210 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ 1.2065 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2036 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6448 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6399 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5337 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5291 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์อย่างคับคั่งเพราะมองว่าดอลลาร์เป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยและปลอดความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจผันผวนและตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก"

เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่านายอลัน มูลัลลี ซีอีโอฟอร์ด มอเตอร์ ยืนยันว่า บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนมากพอที่จะดำเนินธุรกิจได้ตลอดปี 2552 และ จีอี ยืนยันว่าสามารถจ่ายเงินปันผลได้ต่อไปแม้ผลประกอบการไตรมาส 4 มีแนวโน้มชะลอตัวลงและเศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการณ์ขาลงก็ตาม ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่าบริษัทในสหรัฐจะสามารถปรับตัวกับภาวะถดถอยได้ดีกว่าที่มีการประเมินไว้ในเบื้องต้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลที่บริษัทผลิตรถยนต์กลุ่ม "บิ๊กทรี" คือ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ และไครส์เลอร์ ที่เตรียมยื่นคำร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติวงเงินกู้มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อให้ทั้ง 3 บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนถึงปีหน้า วิกฤการณ์การเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกำลังบีบให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อีซีบีจะลดดอกเบี้ย 1.50% และคาดว่าธนาคารอังกฤษจะลดดอกเบี้ย 1.00% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง

นีล แมคคินนอน นักวิเคราะห์จาก ECU Group กล่าวว่า นับตั้งแต่การประชุมในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศยุโรปได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค และข่าวที่ว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปปฏิเสธที่จะปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจและเจ้าของบ้าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจยุโรปเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรปประกาศใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีและแผนกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค คิดเป็นมูลค่ารวม 2 แสนล้านยูโร หรือ 2.52 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5% ของตัวเลขจีดีพีในประเทศกลุ่มสหภาพภาพยุโรป (อียู) ขณะที่รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการลดภาษียอดขาย 2.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ