โตโยต้า มอเตอร์, ฮอนด้า มอเตอร์ และ นิสสัน มอเตอร์ บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐร่วงหนักกว่า 30% ในเดือนพ.ย. หลังแผนดึงดูดลูกค้าในช่วงเศรษฐกิจซบเซาประสบความล้มเหลว
โดยยอดขายของโตโยต้าร่วง 34% ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบเกือบ 30 ปี ในขณะที่ยอดขายของฮอนด้าลดลง 32% และยอดขายของนิสสันร่วงลง 42% ส่วนยอดขายของรถยนต์ทุกยี่ห้อในเอเชียรวมกันลดลง 35%
"ช่วงนี้คงไม่มีบริษัทรถยนต์บริษัทไหนที่รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย" ไมค์ โรบิเน็ท นักวิเคราะห์จาก CSM Worldwide Inc. ในรัฐมิชิแกน กล่าว "ผู้บริโภคยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะควักกระเป๋าซื้ออะไรในตอนนี้"
ความต้องการรถยนต์ร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ตกต่ำ รวมถึงการที่เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ประกาศเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ว่าทางบริษัทอาจขาดสภาพคล่องในปีนี้ ส่งผลให้เมื่อวานนี้ทางจีเอ็ม, ฟอร์ด มอเตอร์ และไครส์เลอร์ ตัดสินใจขอกู้เงินจากรัฐบาลเป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ยอดขายรถยนต์ที่ร่วงลงในเดือนพ.ย.ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐทรุดลงเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่าต่อเนื่องยาวนานสุดในรอบ 17 ปี
บ๊อบ คาร์เตอร์ รองประธานโตโยต้าประจำสหรัฐเผยว่า ทางบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในสหรัฐจะอยู่ที่ราว 13.2 ล้านคันในปีนี้ ลดลงจาก 16.1 ล้านคันเมื่อปีที่แล้ว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน