FED ตัดสินใจขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินออกไปจนถึง 30 เม.ย.ปีหน้า

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 3, 2008 10:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินภายในประเทศ เนื่องจากสถาบันการเงินและภาคเอกชนของสหรัฐยังคงเผชิญวิกฤตสภาพคล่องตึงตัว โดยเฟดได้ขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือจากเดิมซึ่งกำหนดให้สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ม.ค. เป็น 30 เม.ย.

การประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการเฟดมีมติใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแผนการล่าสุดของเฟดครอบคลุมถึงการที่เฟดจะซื้อหนี้และหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนองมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของสินเชื่อเพื่อการจำนอง อีกทั้งอัดฉีดเงินกู้สำหรับนักศึกษา เงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิต

นอกจากนี้ การตัดสินใจขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินยังมีขึ้นหลังจากสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NBER) ยอมรับว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญช่วงขาลงไปจนถึงกลางปีพ.ศ.2552 ซึ่งนับเป็นภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในช่วงปีพ.ศ.2524-2525

คณะกรรมการเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 0 -0.3% ในปีพ.ศ.2551 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัว 1-1.6% และได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีพ.ศ.2552 ลงสู่ระดับ 0.2-1.1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2-2.8%

ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปีพ.ศ.2551 จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.2-2.4%

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินของเฟดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น 270.00 จุด หรือ 3.31% ปิดที่ 8,419.09 จุดเมื่อคืนนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ