เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค มีแผนที่จะปรับลดโบนัสพนักงานในสิ้นปีนี้ลง 50% หลังบริษัทมีตัวเลขขาดทุนกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จนสร้างแรงกดดันให้ธนาคารต้องขายกิจการให้กับแบงก์ ออฟ อเมริกาเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า เมอร์ริล ลินช์จะปรับลดโบนัสพนักงานที่ประจำในนิวยอร์กลงประมาณ 50% ขณะที่เทรดเดอร์และเจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจบางส่วนจะถูกหักเงินโบนัสลงมากกว่า 50%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รายได้ของเมอร์ริล ลินซ์ในเดือนก.ย.ร่วงลง 96% จากปีที่แล้ว ซึ่งทำให้จอห์น เทน ซีอีโอของเมอร์ริล ลินช์ปรับลดเงินตอบแทนพนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดของบริษัท ขณะที่เจ้าหน้าที่สภาคองเกรสและเจ้าหน้าที่กำกับดูแลในตลาดวอลล์สตรีทกำลังสร้างความมั่นใจว่า กองทุนช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐจะไม่เป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น แต่จะถูกนำไปใช้ในการกระตุ้นตลาดสินเชื่อได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การปรับลดเงินโบนัสพนักงานในครั้งนี้อยู่ในระดับที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่า ธนาคารในย่านวอลล์สตรีทจะหักโบนัสพนักงานเฉลี่ยถึง 70%
ทั้งนี้ เมอร์ริลและแบงก์ ออฟ อเมริกาได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทั้งสิ้น2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ขณะที่กระทรวงคลังยอมลงทุน 1.25 แสนล้านดอลลาร์ในวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐทั้ง 9 แห่งเพื่อกระตุ้นสภาพคล่องหลังจากที่วิกฤตความเชื่อมั่นได้ส่งผลกระทบให้หุ้นเมอร์ริล ลินช์ร่วงลง 36% ภายใน 1 สัปดาห์เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และทำให้ในปีนี้หุ้นเมอร์ริล ลินช์ทรุดฮวบลงถึง 78%