น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข ผู้จัดการฝ่ายการเงิน การธนาคาร บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์พีลงคราวเดียวถึง 1% เป็นเพราะธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็นความชัดเจนว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบมาถึงไทย และปัจจัยทางการเมืองล่าสุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดสนามบินแห่งชาติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า
"ที่ลงแรงคราวนี้สะท้อนว่าแบงก์ชาติห่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการปิดสนามบิน จากเดิมที่มีปัญหาวิกฤติการเงินโลก และผลกระทบทางเศรษฐกิจในประเทศอยู่แล้ว นอกจากนี้คงประเมินด้วยว่าการดำเนินนโยบายด้านการคลังของภาครัฐคงทำได้ไม่เต็มที่นักในภาวะของการเป็นรัฐบาลรักษาการ งบกลางปีก็ต้องรอรัฐบาลใหม่" ผจก.ฝ่ายการเงินการธนาคาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
วันนี้ที่ประชุม กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์พีลง 1% เหลือ 2.75% จากระดับ 3.75% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลงในระดับ 1% ครั้งแรกตั้งแต่ปี 43 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 0.55%
น.ส.เกวลิน เชื่อว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะทำให้กลไกการส่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์ในเรื่องปรับอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น และช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจให้แก่ภาคเอกชนได้ในระดับที่เห็นผลชัดเจน ส่วนผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นการลดดอกเบี้ยในระดับที่เหนือความคาดหมายของตลาดมองว่าน่าจะเป็นข่าวในเชิงบวกที่ช่วยหนุนให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้น แต่ยังเชื่อว่านักลงทุนคงต้องพิจารณาจังหวะในการเข้าลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะนักลงทุนจะมองหลายปัจจัยประกอบกันทั้งผลตอบแทนการลงทุน โอกาสการทำกำไร และความเชื่อมั่น
"เมื่อกนง.ลดดอกเบี้ย 1% การลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็จะเกิดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยภาคธุรกิจในแง่ของต้นทุนในระบบการเงินได้ในระดับที่ค่อนข้างเห็นผล...เป็นข่าวดีของภาคธุรกิจเอกชนในภาวะที่นโยบายการคลังยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ในช่วงนี้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยนโยบายการเงินเข้ามาช่วยกระตุ้น" น.ส.เกวลิน กล่าว
น.ส.เกวลิน กล่าวว่า จากนี้คงต้องรอดูธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดอย่างไรจากการส่งผ่านของ กนง.ในครั้งนี้ ซึ่งการประชุม กนง.รอบหน้า แบงก์ชาติคงจะต้องประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อีกครั้ง แต่คงยากที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยลงแรงดังเช่นครั้งนี้ยกเว้นว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้นในปีหน้า
ด้านนายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ดูแลสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า การที่ กนง.ตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 1% ถือเป็นเรื่องช็อคตลาด เพราะไม่เคยปรากฎมาก่อน ปกติ กนง.พิจารณาลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25-0.5% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าการลดดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางประเทศต่างๆ เช่นที่ออสเตรเลียหรือสวิสเซอร์แลนด์ที่ลดดอกเบี้ยถึง 1% จากความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แม้หลายฝ่ายจะมองว่าปี 52 เศรษฐกิจโลก อาจไม่ได้แย่ตามที่คาดการณ์ไว้
นายธิติ กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ถึง 1% มีผลให้อัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ปรับลดลงทันที 0.25% เนื่องจากเป็นการลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่วนจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ปรับลดลงตามหรือไม่ คงยังไม่สามารถคาดการณ์ได้
"ผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน หลังกนง.ลดดอกเบี้ยมากถึง 1% ซึ่งอาจทำให้ ส่วนต่างดอกเบี้ยแคบลง แต่คงไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้แล้ว เพราะสภาวะที่ไม่ปกติ เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นมากกว่า การลดดอกเบี้ยคงไม่มีผลมากนัก" นายธิติ กล่าว