สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) ก่อนที่ธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปจะประชุมในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี โดยมีกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางทั้งสองแห่งจะลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.2703 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ระดับ 1.2712 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.4774 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4905 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 93.350 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.370 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.2104 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2065 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6476 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6452 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5319 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5337 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะลดดอกเบี้ย 1.50% และคาดว่าธนาคารอังกฤษจะลดดอกเบี้ย 1.00% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง
นีล แมคคินนอน นักวิเคราะห์จาก ECU Group นับตั้งแต่การประชุมในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศยุโรปได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค และข่าวที่ว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปปฏิเสธที่จะปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจและเจ้าของบ้าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจยุโรปเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรปประกาศใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีและแผนกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค คิดเป็นมูลค่ารวม 2 แสนล้านยูโร หรือ 2.52 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5% ของตัวเลขจีดีพีในประเทศกลุ่มสหภาพภาพยุโรป (อียู) ขณะที่รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการลดภาษียอดขาย 2.5%
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน หลังจาก ADP Employer Services รายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนทั่วสหรัฐลดลง 250,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบ 7 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 200,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.ร่วงลงแตะระดับ 37.3 จุด จกาเดือนต.ค.ที่ระดับ 44.4 จุด โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคบริการ