ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นปรับลดการลงทุนลงมากที่สุดในรอบ 6 ปีในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากวิกฤตการเงินทั่วโลกได้ส่งผลกระทบให้แนวโน้มการส่งออกซบเซา
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายเงินทุนซึ่งไม่นับรวมธุรกิจซอฟท์แวร์ปรับตัวลดลง 13.3% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 และร่วงลงในระดับที่รุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 10.9%
โดยในไตรมาสที่แล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีเมื่อไตรมาสที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งได้ส่งผลให้บริษัทหลายแห่งปรับลดกำลังการผลิตและปรับลดการจ้างงาน
ทั้งนี้ แคนนอน อิงค์ เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำกดดันให้บริษัทต้องเลื่อนกำหนดการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์ออกไป นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์ด้วยว่า ผลกำไรตลอดทั้งปีอาจร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2543
คิอิจิ มุราชิมา นักวิเคราะห์จาก Nikko Citigroup Ltd. กล่าวว่า "สำหรับผู้ประกอบการแล้ว ภาวะเศรษฐกิจขาลงที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้อาจเลวร้ายกว่าเมื่อปี 2533 และ 2544 โดยบริษัทต่างๆจะปรับลดงบประมาณการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่บริษัทบางแห่งกำลังตื่นตระหนกกับสถานการณ์ในขณะนี้"
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ผลกำไรของบริษัทเอกชนปรับตัวลดลง 22.4% จากปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และเงินเยนที่แข็งค่าได้ฉุดรั้งรายได้ของบริษัท
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 9.16 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนเทรดกันที่ระดับ 93.22 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 93.18 ต่อดอลลาร์ โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นแล้ว 14% นับตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นมา