นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ไปอยู่ที่ระดับ 2% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2494 และทำให้อัตราดอกเบี้ยของอังกฤษเคลื่อนไหวลงใกล้ระดับ 0% ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางต้องหามาตรการใหม่ๆเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามภาวะเงินฝืด
เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเช่นเดียวกับนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เฟดอาจต้องใช้นโยบายการเงินแบบเดิมๆให้ลดน้อยลงในยามที่อัตราดอกเบี้ยลดลงใกล้ระดับ 0% โดยให้เหตุผลว่า การใช้นโยบายด้านการกำหนดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นยังมีข้อจำกัด ดังนั้น จึงมีแผนที่จะใช้มาตรการใหม่ด้วยการซื้อหลักทรัพย์พันธบัตรอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นายเมอร์วิน คิงกล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า เขาอาจร่วมกำหนดนโยบายกับนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษในการดูแลตลาดพันธบัตร หากดอกเบี้ยร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 0% และกล่าวว่า ความท้าทายใหญ่หลวงของธนาคารคือการกระตุ้นการไหลเวียนของสินเชื่อผ่านระบบเศรษฐกิจ
ลีนา โคมิเลวา นักวิเคราะห์จาก Tullett Prebon Plc กล่าวว่า "การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงต่ออัตราการผิดนัดชำระหนี้ แต่นั่นจะไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาความวุ่นวายทางเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการอื่นๆเพิ่มเติม"
ทั้งนี้ วิลเลียม บูเตอร์ อดีตเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยว่า มาตรการอื่นๆนั้นอาจรวมถึงการเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบและการใช้เงินดังกล่าวในงบบัญชีขาดดุลของรัฐบาล หรือซื้อหลักทรัพย์พันธบัตรและหุ้นกู้ เป็นต้น