ออสเตรเลียรายงานยอดเกินดุลการค้าที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต.ค. ซึ่งขยายตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า จากอานิสงส์ของยอดส่งออกถ่านหินที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศซบเซา
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าในเดือนต.ค.ขยายตัวสู่ระดับ 2.95 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดเกินดุลการค้าจะอยู่ที่ 1.41 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
การส่งออกสินค้าประเภทวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจออสเตรเลียให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย ต่างจากสหรัฐ อังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น ทั้งนี้ นายเกล็น สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดเงินกู้ยืมในสัปดาห์นี้ลง 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีเหลือที่ 4.25% เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลงและเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
เฮเลน เควานส์ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในซิดนีย์กล่าวว่า "ยอดส่งออกที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาถ่านหินยังคงสูงขึ้น แม้ความต้องการจากทั่วโลกที่ลดลงจะเป็นปัจจัยที่เหนี่ยวรั้งการส่งออกก็ตาม"
นอกจากนี้ สถานการณ์ของเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่อ่อนค่าลง 26% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ช่วยทำให้ออสเตรเลียมีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12.53 น.ตามเวลาในซิดนีย์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเทรดที่ระดับ 64.94 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลียจากระดับ 64.81 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง 0.02% ไปอยู่ที่ 3.04%