แฟรงค์ กง นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่เงินหยวนของจีนร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็น "การส่งสัญญาณทางการเมือง" ก่อนที่นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนว่า จีนไม่สนใจแรงกดดันของสหรัฐที่ต้องการให้จีนใช้นโยบายเงินหยวนแข็งค่า
เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางจีนอาจต้องการให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ณ เวลา 9.50 น.ตามเวลาเซี่ยงไฮ้ของวันดังกล่าว ค่าเงินหยวนร่วงลง 0.23% แตะระดับ 6.8505 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่อัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนของธนาคารกลางจีนอยู่ที่ 6.8505 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
"ผมเชื่อว่าการที่ค่าเงินหยวนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์เป็นเพราะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางการเมือง รัฐบาลจีนปล่อยให้เงินหยวนร่วงลงไปแตะระดับเดียวกับอัตราอ้างอิงถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองก่อนที่รมว.คลังสหรัฐจะเดินทางเยือนจีน และไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน" นักวิเคราะห์เจพีมอร์แกนกล่าว
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ในการประชุมเพื่อวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ (SED) ระหว่างจีนและสหรัฐในวันนี้ จีนได้ส่งสัญญาณไปถึงนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐว่า 'จีนสามารถจัดการกับปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนเองได้' หลังจากที่โอบามาแสดงท่าทีลำบากใจในการสร้างสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน พร้อมกับเรียกร้องให้จีนหนุนค่าเงินหยวนให้แข็งแกร่ง"
"ขณะที่หลายประเทศเรียกร้องให้จีนใช้นโยบายเงินหยวนแข็งค่าในอีก 3-12 เดือนข้างหน้านั้น มีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายว่าจีนจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปีหน้า โดยสาเหตุที่หลายประเทศเรียกร้องให้จีนขึ้นค่าเงินหยวนก็เพราะการอ่อนค่าของเงินหยวนกำลังส่งผลให้ทั่วโลกเสียเปรียบด้านการค้ากับจีน และจะยิ่งทำให้ตลาดโลกไร้เสถียรภาพ" เจพีมอร์แกนกล่าว สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน