นักวิเคราะห์คาดจีนเมินเสียงเรียกร้องสหรัฐให้ผ่อนปรนการถือหุ้นของต่างชาติในธนาคารจีน

จีนอาจจะไม่ยอมโอนอ่อนตามเสียงเรียกร้องของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการให้จีนให้ผ่อนปรนการควบคุมต่างชาติเข้าถือครองหุ้นในธนาคารจีน

ปัจจุบัน จีนได้กำหนดให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นในธนาคารของจีนได้ในสัดส่วนถึง 25% และสำหรับนักลงทุนต่างชาติรายย่อยมีเพดานในการถือหุ้นอยู่ที่ 20% รัฐบาลจีนอาจจะพิจารณาผ่อนปรนการควบคุมเป็นกรณีพิเศษไป เช่น กรณีที่ธนาคารรายนั้นกำลังมีปัญหา

บลูมเบิร์กรายงานว่า จุดยืนของจีนในเรื่องดังกล่าวนับเป็นความล้มเหลวของนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาได้ผลักดันให้จีนเปิดตลาดที่มีธนาคารใหญ่ๆระดับโลกถึง 4 แห่งให้นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารของสหรัฐสนใจการลงทุนในจีน แม้ว่าธนาคารของสหรัฐจะขายสินทรัพย์และลดจำนวนพนักงานลง เพื่อรับมือกับวิกฤตสินเชื่อโลก โดยแบงค์ ออฟ อเมริกา ได้ใช้จ่ายเงินประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นถึง 2 เท่าใน ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ คอร์ป

เหลียว เฉียง นักวิเคราะห์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวว่า ธนาคารต่างชาติยังคงสนใจที่จะลงทุนในธนาคารของจีน แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่สู้ดีนักก็ตาม

ที่ผ่านมา จีนได้สั่งห้ามธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรปอย่างเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจหลักๆในธนาคารรายใหญ่อันดับ 5 ของจีน คือ แบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ส่วนเอชเอสบีซีซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอน และเป็นธนาคารต่างชาติรายใหญ่สุดในจีนที่มีสาขา 77 แห่ง ระบุว่า ต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ เป็น 19.9% จากเดิมที่ 18.6%

นอกจากนี้ จีนยังอาจจะเพิ่มเพดานการลงทุนจากต่างประเทศในบริษัททรัสต์ถึง 33% สำหรับนักลงทุนรายย่อยหรือนักลงทุนต่างชาติที่รวมตัวกันเป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเร่งการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่ยังไม่ไปไหนเพราะความสามารถในการบริหารความเสี่ยงที่อยู่ในระดับต่ำ