เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ กำลังพิจารณาใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น
กระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใช้นโยบายเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (mortgage-Backed Securities หรือ MBS) ซึ่งออกโดยบริษัท แฟนนี เม และเฟรดดี แมค เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านลงสู่ระดับ 4.5% ซึ่งแผนการดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเจ้าของบ้านในสหรัฐ และจะสานต่อเจตนารมณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ริเริ่มใช้มาตาการซื้อตราสารหนี้ค้ำประกันเพื่อการซื้อบ้าน มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์
มาร์ค วิทเนอร์ นักวิเคราะห์จากวาโชเวีย คอร์ป กล่าวว่า "การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านจะช่วยให้ภาคครัวเรือนขยับตัวได้มากขึ้น เราเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและจะพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นด้วย"
เมื่อวานนี้ เฟดประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินภายในประเทศ เนื่องจากสถาบันการเงินและภาคเอกชนของสหรัฐยังคงเผชิญวิกฤตสภาพคล่องตึงตัว โดยเฟดได้ขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือจากเดิมซึ่งกำหนดให้สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ม.ค. เป็น 30 เม.ย.
การประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการเฟดมีมติใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแผนการล่าสุดของเฟดครอบคลุมถึงการที่เฟดจะซื้อหนี้และหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนองมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของสินเชื่อเพื่อการจำนอง อีกทั้งอัดฉีดเงินกู้สำหรับนักศึกษา เงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิต สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน