เงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับที่อ่อนค่าตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย. ร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% ในเดือนต.ค.
เงินยูโรยังคงร่วงลงต่อเนื่องหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.75% สู่ระดับ 2.50% โดยมีผลวันพุธหน้า นับเป็นการตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงมากที่สุดตั้งแต่ที่ได้มีการเริ่มใช้เงินยูโรเมื่อปีพ.ศ. 2542 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.5%
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 92.870 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.170 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.2192 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1948 ฟรังค์/ดอลลาร์
เงินยูโรอ่อนค่าลง 1.2734 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับปิดของวันพฤหัสบดีที่ 1.2770 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4753 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4667 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.6472 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6446 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.5341 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5318 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลโฟล์ค นักวิเคราะห์จาก Bank of New York Mellon Corp. กล่าวว่า ความตื่นตกใจต่อตัวเลขจ้างงานสหรัฐส่งแรงกระเพื่อมในตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลกและทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆเนื่องจากนักลงทุนต้องการหลีกหนีไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งแม้ว่าการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารอังกฤษจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ แต่พวกเขาก็ยังต้องการโยกย้ายการลงทุนไปยังสกุลเงินอื่นๆที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังมีสถานะเป็นแหล่งลงทุนที่ดีเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในยามที่เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย